วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ความหมายของสีกุหลาบและจำนวนดอก


กุหลาบแดงและขาวรวมกัน สื่อความหมายให้รู้ว่า "สองเราเป็นหนึ่งเดียวกัน" 

กุหลาบสีชมพู หมายถึง ความงดงามและความอ่อนโยน 
กุหลาบสีเหลือง บอกเป็นนัยว่า "ขอเป็นชู้ทางใจ" หรือ หมายถึงความสุข สนุกสนาน ร่าเริง 
กุหลาบสีส้ม เพื่อบอกความในใจถึงความรักและสิ่งที่ผ่านมา 
กุหลาบแดงเข้ม (สีเหมือนไวน์แดง) แทนคำว่า "เธอช่างสวยเหลือเกิน" 
กุหลาบสีขาว บอกว่า "ฉันรักเธอด้วยใจบริสุทธิ์ ไม่หวังสิ่งใดตอบแทน" 
กุหลาบตูม ที่มีทั้งใบและหนาม บอกให้รู้ว่า "แม้ฉันจะวิตกอยู่บ้าง แต่รู้ว่าเธอคงไม่ปฎิเสธ" 
กุหลาบตูมที่ริดใบทิ้งหมด แสดงให้เห็นว่าผู้ให้รู้สึกทุกสิ่งทุกอย่าน่ากลัวไปหมด 
กุหลาบตูมที่ริดหนามทิ้งหมด แสดงให้เห็นถึงความหวังที่มีอย่างเปี่ยมล้น 
กุหลาบตูมสีแดง แสดงให้เห็นถึงความรักที่ไร้เดียงสา "รักของฉันเพิ่งแรกแย้ม และอ่อนต่อโลก" 
กุหลาบตูมสีขาว แสดงถึงความมีเสน่ห์น่าหลงใหล ไร้เดียงสาในเรื่องความรัก 
กุหลาบบานหนึ่งดอก และกุหลาบตูม 2 ดอก อยากบอกว่า "นี่คือความรักที่ฉันแอบซ่อนไว้" 
กุหลาบบานสีแดง บอกให้รู้ว่า "ฉันรักเธอเข้าแล้ว" 
กุหลาบสีแดงที่โรยแล้ว เขาอยากจะบอกให้คุณรู้ว่า "ความรักของเรานั้นจบลงแล้ว" 
กุหลาบสีขาวที่โรยแล้ว แทนความหมาย "เสน่ห์ของเธอมันจืดจางลงแล้ว" 
กุหลาบไร้หนาม ให้รู้ว่า "เธอช่างมีเสน่ห์น่าหลงไหลแม้ยามแรกพบ" 
กุหลาบดอกเดียว แทนความหมาย "รักฉันแม้เรียบง่าย แต่ก็มั่นคงกับเธอผู้เดียว"




จำนวนดอกกุหลาบ และ ความหมาย ที่แสนจะโรแมนติค 

1 = เธอเป็นหนึ่งเดียวของฉันเท่านั้น 
2 = มีเพียงเธอ กับ ฉัน 
3 = ฉันรักเธอ 
5 = การให้ที่ไม่มีอะไรต้องเสียใจ 
7 = เราจะพบกับเรื่องมงคล 
8 = ชดเชยวันเวลาที่ขาดหายไป 
9 = อยู่ด้วยกันให้ยืนยาวและมั่นคง 
11 = รักเธอที่สุด 
12 = ฉันรักเธอ เธอก็รักฉัน เรารักกัน 
24 = ฉันคิดถึงเธอตลอดเวลา 
33 = รักกัน 3 ชาติ 
50 = ความรักที่ยืนยาวชั่วนิรันดร 
66 = ความรักของเรา เหมือนสายน้ำไม่เคยหยุดนิ่ง 
100 = เราจะถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรด้วยกัน 
101 = รักเรายืนยาวชั่วนิรันดร 
108 = ความรักของฉันจะไม่มีที่สิ้นสุด 
365 = ฉันคิดถึงเธอทุก-ทุกวัน 
999 = รักเธอชั่วฟ้าดินสลาย 
1,009 = ฉันรักเธอเพราะเธอเป็นเธอ 
9,999 = แทนความจริงใจทั้งหมดที่ฉันมีให้เธอจากนี้และตลอดไป 
10,000 = รักเธอเป็นหมื่น-หมื่นปี 



ของขวัญวันวาเลนไทน์


 เมื่อพูดถึงเทศกาลแห่งความรักอย่าง "วาเลนไทน์" หลาย ๆ คนต่างก็นึกถึงภาพถนนหนทางที่เต็มไปด้วยคู่รัก จูงมือกันกระหนุงกระหนิง มอบรอยยิ้มหวาน ๆ ให้กันและกันอย่างแน่นอน ซึ่งนอกจากรอยยิ้มและความรู้สึกดี ๆ ที่มีให้กันในวันพิเศษแล้ว ของขวัญวันวาเลนไทน์ ก็นับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะสร้างความประทับใจให้แก่คู่รักของเพื่อน ๆ ได้  แต่ถ้าใครที่ยังคิดไม่ออกว่าจะเตรียมอะไรเพื่อจะเซอร์ไพรส์คนรักนั้น วันนี้ทางทีมงานกระปุกมีตัวอย่าง ของขวัญวันวาเลนไทน์ มาแนะนำกันค่ะ


ดอกไม้จากใจ 


          ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยไหน หรือว่าประเทศใด ดอกไม้นั้นนับว่าเป็นสื่อรักแทนใจที่คลาคสิคที่สุด ไม่เพียงแค่เป็นตัวแทนแห่งความรักสำหรับหนุ่มสาวเท่านั้น แต่ดอกไม้ยังสามารถสื่อความรักได้หลากหลายรูปแบบเลยทีเดียว ซึ่งดอกไม้ต่าง ๆ ก็จะมีความหมายแตกต่างกันไป 



            กุหลาบสีแดง : เป็นดอกกุหลาบที่แทนความหมายว่า "ฉันรักเธอ"  ถ้ามอบดอกกุหลาบสีแดงให้แก่คู้รักนั้นหมายความว่าคุณจริงจัง และอยากใช้ชีวิตที่เหลือร่วมกับเค้า 



            กุหลาบสีขาว : เป็นดอกไม้ที่แสดงถึงความบริสุทธิ์ ในความรักที่ไม่ต้องการสิ่งตอบแทน 



            กุหลาบสีชมพู : เป็นตัวแทนของความโรแมนติกที่สุด แสดงถึงความรักที่กำลังจะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ 



            กุหลาบสีเหลือง : ซึ่งสีเหลืองแสดงถึงความสดใส ส่วนมากจะนำไปเยี่ยมผู้ป่วย หรือมอบแทนความรู้สึกดี ๆ ให้แก่เพื่อน



            ดอกทิวลิปสีแดง : เป็นการแสดงออกถึงความรักอย่างเปิดเผย



            ดอกคาร์เนชั่นสีชมพู :ใช้แทนความหมายว่า  "ถึงอย่างไรผมก็ยังรักคุณ" หรือ "คุณยังอยู่ในหัวใจฉันเสมอ"



            ดอกลิลลี่สีขาว :  แสดงถึงความรักที่บริสุทธิ์ เฉกเช่นเดียวกับกุหลาบขาว นอกจากนั้นยังแสดงบถึงความรักที่อ่อนหวานและจริงใจ หรืออาจจะแทนความหมายว่า "ฉันรู้สึกดี ๆ ที่ได้รู้จักและอยู่ใกล้คุณ"



            ดอกฟอร์เก็ตมีน๊อต: มีความหมายลึกซึ้งว่า รักแท้   หรืออาจะสื่อความหมายว่า ได้โปรดอย่าลืมฉัน และอย่าลืมความรู้สึกดี ๆ ที่เคยมีให้กัน



 ดินเนอร์สุดหวาน


           และที่ขาดไม่ได้เลยในวันแห่งความรัก นั้นก็คือดินเนอร์สุดพิเศษที่สามารถสร้างบรรยากาศแสนหวานในวันวาเลนไทน์นี้ให้โรแมนติกยิ่งกว่าเดิม ซึ่งไม่ว่าจะเป็นสถานที่แบบใด ร้านอาหาร บ้าน ริมทะเล หรือสวนสาธารณะ ก็ไม่สำคัญ เพราะเพียงเรามีคนรักอยู่ข้าง ๆ ที่ไหนก็มีความสุขได้จริงไหมละคะ 




 เครื่องประดับ


          เครื่องประดับก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่นิยมให้กันในวันวาเลนไทน์อย่างมาก โดยเฉพาะหนุ่ม ๆ ที่รักจริงหวังแต่ง  เพราะเครื่องประดับแสนหวานแต่ละอย่างที่สาว ๆ ชอบ ไม่ว่าจะเป็น สร้อย แหวน ต่างหูนั้น หนุ่ม ๆ คงต้องทุ่มทุนสร้างกันพอตัว  ซึ่งถ้าหนุ่ม ๆ คนไหนมอบเครื่องประดับให้กับคนรักในวันวาเลนไทน์นั้น รับรองว่าจะได้รอยยิ้มระยิบระยับที่เหมือนจิวเวอรี่ของสาว ๆ อย่างแน่นอน ยิ่งถ้าบนเครื่องประดับมีอักษรเป็นชื่อของหญิงสาว หรือ คำว่า LOVE นั้น ได้ใจสาว ๆ ไปทั้งดวงชัวร์! (และคงไม่มีสาว ๆ คนไหนปฏิเสธเครื่องประดับเหล่านี้แน่ ๆ ใช่ไหมเอ่ย )



ช็อกโกแลตแทนใจ


            การให้ช็อกโกแลตแก่คนรักในวันสำคัญอย่างวันวาเลนไทน์นั้น ถือว่าเป็นการมอบความรู้สึกที่ดีทั้งหมดของทั้งผู้ให้และผู้รับ อีกทั้งช็อกโกแลตยังมีหลากหลายรูปแบบและรสชาติให้เราได้เลือกด้วย และยิ่งถ้าเป็นช็อกโกแลตทำเองนั้นจะพิเศษที่สุด เพราะนอกจากจะเป็นช็อกโกแลตที่มีชิ้นเดียวในโลกแล้ว ยังเป็นการบ่งบอกถึงความใส่ใจที่เรามีให้กับคนรักเป็นพิเศษอีกด้วยละ



ของทำมือ(แฮนเมด)


            สิ่งของที่แสดงความรักนั้นไม่จำเป็นต้องมีค่าหรือราคาแพงมากนัก เพียงแค่เราประดิษฐ์สิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นการ์ด ตุ๊กตาตัวน้อย ๆ ใส่พวงกุญแจ สิ่งเล็กน้อยเพียงเท่านี้ก็สามารถแสดงออกถึงความรักความจริงใจของคุณที่มีให้กับคนรักได้แล้ว แถมยังเป็นชิ้นเดียวในโลกด้วยนะ



ตุ๊กตาสื่อรัก 


           ตุ๊กตาเป็นสิ่งที่มอบให้กันได้ทุกเทศกาลอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นเทศกาลวาเลนไทน์ขอแนะนำให้เลือกเป็นตุ๊กตาคู่ หรือตุ๊กตาที่มีสัญลักษณ์ของกันและกัน อาจจะเป็นวันที่เราคบกันวันแรก ชื่อของคนรัก หรือสถานที่ ๆ บอกรักกันก็ได้ ซึ่งตุ๊กตานั้นเปรียบเสมือนตัวแทนของเรา เพราะยามที่คนรักนั้นมองตุ๊กตาก็อดคิดถึงเราไม่ได้ 


 และไม่ว่าของขวัญที่เพื่อน ๆ เตรียมให้กับคนรักนั้นจะเป็นอะไร คงไม่มีค่าเท่ากับความรักความจริงใจทั้งหมดที่มีให้กับคนรักแน่นอน ทั้งนี้ ทีมงานกระปุกดอทคอมก็ขออวยพรให้คนที่มีความรักที่ทุกคนนั้นมีความสุขมาก ๆ และรักกันนาน ๆ นะคะ อ่ะ..แล้วอย่าลืมกระซิบที่ข้างหูคนรักว่า "รัก" ล่ะ

ที่มา : http://hilight.kapook.com/view/19757

วันศุกร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2555

แม่


...ตอนเด็กๆ เล็กๆ ใครคอยป้อนข้าว 
ตอนเด็กๆ เล็กๆ ใครคอยอาบน้ำให้
ตอนเด็กๆ ใครคอยห่มผ้า คอยใส่ใจ
ตอนเด็กๆ ใครคอยเช็ดก้นให้เราเสมอมา

...พอโตขึ้น เราเกเรแค่ไหน ใครคนนั้นไม่เคยโกรธ
พอโตขึ้น ทำเรื่องหนักใจให้ คนคนนี้ก็ไม่เคยว่า
พอโตขึ้น มีแฟนแล้ว คนคนนี้ก็รักเราตลอดมา
แล้วตอนนี้ ได้ตอบแทนอะไร ท่านบ้างแล้วหรือยัง...

ช่วยกดแชร์ด้วยนะครับ...จะได้มีลูกกตัญญูเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม
 

วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2555

เรื่องน่ารู้ คู่ ตรุษจีน


“ซินเจียยู่อี่ ซินนี่ฮวดไช้ อั่งเปาตั่วตั่วไก๊” จู่ๆ เช้านี้ เมื่อเปิดคอมพิวเตอร์มา หันไปทางเว็บนั่น นี่ โน่น ก็พบกับคำอวยพรภาษาจีนที่เราได้ยินคุ้นหูกันมาเป็นเวลานานปรากฎอยู่ทั่วไป  PauLLiE เลยได้สดับว่า อ้อ!! เทศกาลปีใหม่ของชาวจีน หรือที่เราเรียกกันว่า “ตรุษจีน”  กำลังมาเยือนอีกหนแล้วสินะ ซึ่งปีนี้มาเร็วหน่อย โดยจะตรงกับวันจันทร์ ที่ 23 มกราคม 2555 ที่จะถึงนี้  คราวนี้หลากคำถามในความทรงจำที่อยากรู้มานานของวันตรุษจีนก็พรั่งพรูออกมา เหมือนท่อประปาแตก จำเป็นเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหากูรูผู้มีความรู้มาตอบคำถามที่ค้างคาใจ ซึ่ง PauLLiE เชื่อว่า คนไทย แบบไทยแท้ (ที่ไม่ต้องกระแดะมีชื่อฝรั่งอย่าง PauLLiE ) น่าจะอยากรู้เหมือนกัน ถามเพื่อนหรือรุ่นพี่รุ่นน้องวัยใกล้เคียงกัน ก็ยากที่จะหาคนมาช่วยตอบได้  และสุดท้ายกูรูผู้โชคดีของเราก็หนีไม่พ้น กูรู GooGle ที่ถามอะไรตอบได้ มาช่วยไขความลับของเทศกาลนี้ มาดูกันค่ะว่า หลากคำถามของตรุษจีน ที่น่ารู้มีอะไรบ้าง



“ตรุษจีน” มีที่มาอย่างไร (ตำนานวันตรุษจีน) ?
อันว่าวันตรุษจีนนั้น ไม่ใช่เพียงแค่เป็นวันปีใหม่ของชาวจีนเท่านั้นนะคะ จริงๆแล้ว เค้ามีตำนานเล่าขานถึงที่มาของวันนี้กันค่ะ โดยเล่าสืบต่อกันมาว่า ในสมัยโบราณ มีสัตว์ป่าดุร้ายน่ากลัว ชื่อว่า “เหนียน” อาศัยอยู่ในป่าทึบ มันจะออกอาละวาดกัดกินและทำร้ายผู้คนอยู่เสมอ ทำให้พระเจ้าไม่พอใจและลงโทษด้วยการ อนุญาตให้ลงจากเขาได้เพียง 1 ครั้ง ในรอบ 365 วัน โดยจะอยู่ในช่วงปลายฤดูหนาว  ต้นฤดูใบไม้ผลิ (วันที่ 30 เดือน 12)  บรรดาผู้คนจึงต้องสะสมเสบียงในช่วงเวลาดังกล่าว และไม่ออกจากบ้าน พร้อมปิดประตูอย่างแน่นหนา เพื่อไม่ให้ “เหนียน”เข้ามาทำร้ายได้ และเมื่อถึงรุ่งเช้า วันแรม 1 ค่ำ เดือน 1 “เหนียน” กลับไป ผู้คนก็จะเปิดประตูออกมา แสดงความยินดี ที่ไม่ถูกทำร้าย

ต่อมา ผู้คนพบว่า “เหนียน” ที่น่ากลัว มีจุดอ่อน อยู่ 3 ประการคือ กลัวเสียงดัง ( เคยมาเจอเด็กเล่นหวดแส้ เสียงดัง แล้ววิ่งหนีไป) , กลัวสีแดง (เคยมาเจอชาวบ้านตากเสื้อผ้าสีแดงสด แล้วตกใจ วิ่งหนีไป) และ กลัวไฟ ( เคยมาเจอกองไฟกองใหญ่ แล้วตกใจวิ่งหนีไป ) จึงคิดหาวิธีกำหราบ “เหนียน” โดย เมื่อวันสุดท้ายปลายฤดูหนาว  ต้นฤดูใบไม้ผลิ (วันที่ 30 เดือน 12)  มาถึง ทุกๆบ้าน จะนำกระดาษสีแดงมาติดที่ประตูบ้าน แขวนโคมไฟสีแดง จุดไฟสว่างรอบบ้าน พร้อมจุดประทัดและตีฆ้องรัวกลองเสียงดัง อย่างต่อเนื่อง เมื่อ “เหนียน” มาเจอก็ตกใจ ไม่กล้าเข้ามาทำร้ายผู้คนอีก รุ่งเช้าผู้คนต่างพากันยินดี กล่าวคำอวยพรให้แก่กัน และรับประทานอาหารร่วมกันอย่างมีความสุข ต่อมาจึงได้นับเอาวันแรกของปี และเป็นวันเฉลิมฉลองที่มีแต่ความสุข นี้ว่า “วันตรุษจีน” ค่ะ ( เรื่องเล่าตำนานของเค้าน่ารักดีนะคะ)



ข้อห้าม ในช่วงวันตรุษจีน 
ช่วง วันตรุษจีนนี้ มีข้อห้ามหลายข้อที่ชาวจีนเชื่อว่า ต้อง งด ละเลิก ห้ามปฏิบัติโดยเด็ดขาด เพื่อให้ชีวิตนับแต่วันปีใหม่นี้ เจริญรุ่งเรือง มาดูกันค่ะว่า ความเชื่อเหล่านั้น มีอะไรบ้าง


1.ห้ามทำความสะอาดบ้าน เชื่อกันว่า การทำความสะอาดและทิ้งขยะในวันตรุษจีนนี้ จะเป็นการ กวาดเอา โชคลาภ เงินทอง สิ่งดีดี ออกไปจากบ้าน ทั้งนี้ บ้านส่วนใหญ่ จะทำความสะอาดชุดใหญ่ไปแล้วก่อนถึงวันตรุษจีน เพราะฉะนั้น จึงไม่ต้องห่วงเรื่องความสกปรกในบ้าน แต่หากบ้านใด มีขยะเยอะ ต้องทำความสะอาดจริงๆ ก็มีวิธีการ คือ ให้กวาดขยะไว้ที่มุมบ้านก่อน แล้วค่อยเก็บไปทิ้งในวันถัดไป


2.ห้ามสระผม หรือตัดผม การสระผม หรือ ตัดผมนั้น ในภาษาจีน ออกเสียงคล้ายกับคำว่า “มั่งคั่ง” ในวันตรุษจีนนี้ จึงไม่นิยมตัดผม หรือ สระผม เพราะเชื่อว่า จะตัดเอาความมั่งคั่ง ทิ้งไป

3.ห้ามพูดคำหยาบ และ ห้ามทะเลาะเบาะแว้งกัน ในวันตรุษจีนนี้ การพูดคำหยาบ การทะเลาะเบาะแว้ง รวมไปจนถึงการพูดเกี่ยวกับความตาย ถือว่าเป็นสิ่งไม่เหมาะสม ห้ามทำโดยเด็ดขาด เพราะถือว่าจะนำความโชคร้ายมาให้ตลอดปี ทั้งนี้ การพูดอะไรก็ตามเกี่ยวกับเลข 4 ก็ไม่สมควรเช่นเดียวกัน เพราะเลข 4 ออกเสียงคล้ายกับคำว่า “ซี้” ซึ่งหมายถึงความตาย ค่ะ

4.ห้ามกินโจ๊ก และ เนื้อสัตว์ เชื่อกันว่า ในอดีตอาหารของคนจนคือ โจ๊ก เพราะฉะนั้น ในวันตรุษจีน ชาวจีนจะไม่ทานโจ๊กโดยเด็ดขาด เพราะจะเป็นการขัดขวางโชคลาภ ทำให้ตนเองไม่ร่ำรวย ทำตัวเหมือนคนจน ทั้งนี้ สำหรับเนื้อสัตว์ที่ห้ามทานในวันตรุษจีนนั้น เชื่อ กันว่า เทพเจ้า ที่ลงมาในวันตรุษจีนนั้นเป็นมังสวิรัติ เพราะฉะนั้น เราๆจึงไม่ควรทานเนื้อสัตว์ด้วย

5.ห้ามซักผ้า  สำหรับความเชื่อนี้มีที่มาจาก  การที่ชาวจีนเชื่อว่า “เทพเจ้าแห่งน้ำ” เกิดในวันตรุษจีน หากมีการซักผ้า นำน้ำมาทำให้สกปรก จะเป็นการลบหลู่เทพเจ้า  จึงห้ามซักผ้าในวันนี้เด็ดขาด

6.ห้ามใส่ชุดขาว – ดำ ในวันนี้ชาวจีนส่วนใหญ่จะนิยมใส่เสื้อผ้าสีแดง ซึ่งเป็นสีที่เชื่อว่าจะนำความโชคดีมาให้ ส่วนสีขาว และ สีดำนั้น ห้ามใส่โดยเด็ดขาด เพราะ ถือว่า เป็นสีแห่งความตาย ใครใส่ ก็จะถือเป็นลางร้าย จะพบเจอแต่สิ่งไม่ดี เป็นอัปมงคล

7.ห้ามให้ผู้อื่นยืมเงิน การให้ยืมเงินในวันนี้ ขาวจีนเชื่อว่าจะทำให้ทั้งปี มีคนเข้ามายืมเงินตลอด การยืมนี้ หมายรวมถึงการยืม ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆด้วย และ หากใครมีหนี้สินอะไร ก็ต้องชำระคืนให้แล้วเสร็จก่อนวันตรุษจีน เพื่อที่จะได้ไม่มีหนี้สินตลอดปี

8.ห้ามทำของแตก การทำของแตกในวันตรุษจีนนั้น ชาวจีนเชื่อว่าจะนำพาความโชคร้ายมาให้ ครอบครัวจะแตกแยก หรือ มีคนในครอบครัวเสียชีวิต ในวันนี้ ชาวจีนจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ แต่หากมีการทำของแตกจริง ก็มีวิธีการแก้เคล็ดคือ ให้พูดว่า “luo di ka hua” ซึ่งแปลว่า “ดอกไม้จะเบ่งบานเมื่อตกสู่พื้น”

9.ห้ามซื้อรองเท้าใหม่ คำว่ารองเท้า ในภาษาจีน ออกเสียงว่า Hai ซึ่งมีสำเนียงคล้ายการถอนหายใจ ชาวจีนเชื่อว่าเป็นสัญญาณการเริ่มต้นปีที่ไม่ดี จึงไม่นิยมการซื้อรองเท้าใหม่ในตลอดเดือนแรกของปีค่ะ

พิธีการไหว้เทพเจ้าแห่งโชคลาภ (เทพไฉ่ ซิ่งเอี๊ย) ในวันตรุษจีน... ยังมีเรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับตรุษจีนอีกมากมาย อ่านต่อคลิกhttp://www.painaidii.com/diary/diary-detail/000076/lang/th/



ที่มา : http://board.postjung.com/596724.html 

"เปรม"เคยถาม"แม้ว-อ้อ" ตรงๆ"บอกให้ชัดผู้มีบารมีคือใคร ..ยันไม่ใช่ศัตรู ปฏิวัติ เขามีเหตุผลพอสมควร"



"ป๋าเปรม"เปิดใจ "ผมไม่ได้เป็นศัตรูกับทักษิณ" เผยเคยถามตรงๆ ว่า "ผู้มีบารมีนอกรธน." คือตนใช่หรือไม่ แต่ทั้ง 2 ผัวเมียไม่ตอบ ยันไม่ได้อยู่เบื้องหลังปฏิวัติ แต่ที่ไปเข้าเฝ้าวันที่ 19 ก.ย.เพื่อถวายการรับใช้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น ได้เผยแพร่ถ้อยคำของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ที่กล่าวแก่นักเรียนเก่าและศิษย์เก่ามหาวชิราวุธ จ.สงขลา ระหว่างมาให้กำลังใจ ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ เมื่อวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา มีทั้งแบบคลิปเสียง และถอดความ สาระสำคัญปฏิเสธข้อกล่าวหาอยู่เบื้องหลังการโค่นล้ม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ความว่า ...

"ขอพูดบางกอกน่ะ ใจคอไม่อยากจะพูดเท่าไหร่ คุณ ทักษิณ ท่านกล่าวหา 3 อย่าง ข้อ 1 เขาเปิดเผยว่า ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ คือเรา คือคนเขารู้หมดแล้ว ตั้งแต่คุณทักษิณพูดตั้งแต่วันนั้นแล้ว คุณทักษิณว่า แต่เราพยายามถามเขาตอนนั้น ว่าหมายถึงเราใช่ไหม เขาก็ไม่ตอบ แล้วเราก็ถามอีกว่า ถ้าไม่ใช่เรา ก็ขอให้บอกมาว่าใคร ให้รู้กันชัดๆ ไม่ได้ถามแต่คุณทักษิณ ให้คนถามคุณหญิงอ้อ (คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ) ว่า งั้นให้ช่วยพูดหน่อยได้ไหมว่า ที่คุณทักษิณพูดว่า ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญนั้น ไม่ใช่ผม



(อ่านต่อ)

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1238508625&grpid=10&catid=01

 

โธ่....ไอ้ตุ๊ดเฒ่า กาลีบ้านกาลีเมือง มึงเดินสายประกาศ จ๊อกกี้ขี่ม้าแล้วก็ไป
มึงนั่งวางแผนอยู่หัวโต๊ะ โดยมีไอ้ยุทธ ยายเที่ยง พร้อมขุนทหารที่มึงบอกว่าให้ค่า ปว.ด้วยตังค์มหาศาล
เสียงไอ้ยุทธวางแผน ยังมีเล็ดลอดออกสื่่อมา ไหนละผู้มีคุณธรรม ตอนนี้มึงยังตอแหลอยู่เลย

บ้านไร้กังวลของมึงน่ะ น่าจะนำมาทำสถานที่่ปฎิบัติธรรมมากกว่า บ้านพักส่วนตัวของมึง
ไอ้แก่ชาติชั่ว วันนี้แล้วยังไม่มีสำนึก ของความเป็นคนเลย ไอ้ตุ๊ดชั่ว




อ่านต่อที่: http://turnleftthai.blogspot.com/2012/01/blog-post_06.html